วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

Spices 2008 ความรู้สึกดีๆ ไม่รู้ลืม

กลับจากการประชุมวิชาการ Spices 2008 ที่ปีนังมาก็เดือนหนึ่งแล้ว ยังประทับใจไม่ลืมเลย อยากจะเล่าต่อ ไปร่วมในฐานะผู้เสนอบทความ การประชุมวิชาการระหว่างประเทศด้วย ผู้เสนอบทความวิชาการมาจากหลายประเทศ ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง แม้จะผ่านเวทีมาบ้างแล้วก็ตาม ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี.. ตื่นเต้น ..
ไม่เพียงแค่ความตื่นเต้นอย่างเดียว ยังมีอีกหลายความรู้สึกที่ได้จาก Spices 2008 ตั้งแต่วันที่ออกเดินทาง ความรู้สึกแรกที่ค่อย ๆ แทนที่ความตื่นเต้น คือ อุ่นใจ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เจอผู้ร่วมเดินทางจากประเทศไทย 8 คน นำทีมโดย รศ.ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ (อ.ย่าของพวกเรา) ในทีมของพวกเรามีเพื่อนจากประเทศภูฏานซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ที่ ม.กรุงเทพ ด้วยอีก 1 คน ไปไหนก็ไปกัน ทำอะไรก็ทำกันเป็นทีม เช็คอิน ต่อแถวขึ้นเครื่อง แยกย้ายเลือกหาที่นั่งกันตามสบาย (ขอขอบคุณสายการบิน Air Asia อภินันทาการให้พวกเราได้เดินทางลัดฟ้าไปแบบไม่ต้องเสียเงินในกระเป๋ากันเลย)

ก่อนจะพูดถึงเนื้อหาสาระของการประชุมอย่างจริงจัง ขอชมเชยเจ้าภาพจากมหาวิทยาลัยเซนส์ มาเลเซีย ก่อนเลย ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พวกเราได้เข้าพักในโรงแรมสุดหรูแห่งเมืองปีนัง คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรกับที่พักไม่รู้ แต่สำหรับดิฉันเอง ความรู้สึกลุ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะรู้ว่าตัวเองต้องแชร์ห้องพักกับเพื่อนจากอเมริกาและญี่ปุ่น (นานาชาติมากๆ) เมื่อเปิดประตูห้องพักโรงแรมเข้าไป ว้าว!! เจอห้องนอนห้องแรก เตียงใหญ่ หนา นุ่ม ถัดมาเจอห้องนั่งเล่น โซฟานุ่ม มีทีวีอยู่ตรงกลาง สรุปแล้วในห้องชุดของพวกเรา 3 คน 3 ชาตินี้ ยังมีห้องครัว ห้องรีดผ้า ห้องนอนคนละห้อง ห้องน้ำส่วนตัวอย่างดี จากห้องพักชั้น 19 มองเห็นวิวเมืองปีนังภูเขา บ้านเรือน ถนนยาวเหยียด ..เสียดาย มาอยู่แค่ 3 วัน ได้ใช้ห้องไม่ครบทุกห้องเลย..

ยังไม่อยากพูดถึงวิชาการก่อนในตอนนี้ ขอพูดถึงอาหารที่พวกเราได้รับประทานกันก่อนดีกว่า ขอยืนยันเลยว่าอาหารทุกมื้ออร่อยมาก และที่สำคัญมาครั้งนี้ไม่ต้องพกกระเป๋าเงินติดตัวมาเลยก็ยังได้ เพราะอาหารทุกมื้อในปีนัง เจ้าภาพเลี้ยงรับรองเองทั้งหมด จำชื่ออาหารทั้งหมดไม่ได้ รสเด็ดเผ็ดจัดจ้าน ได้รับประทานไก่ เนื้อ ปลา ปู อาหารทะเล หลากหลายเมนู อิ่มจนเดินกันแทบไม่ไหวในแต่ละมื้อ แต่หาหมูรับประทานไม่ได้ในเมืองนี้ (เขาเป็นเมืองมุสลิมค่ะ) นอกจากอาหารอร่อยแล้ว ยังมีการแสดงให้ได้รื่นรมย์กันทุกคืน ศิลปะการแสดงของมาเลเซียร่วมสมัย สมัยนิยม ร้องเพลง เต้นรำ สำราญใจ..

มุสลิม.. ความเป็นเมืองมุสลิมของปีนังก็เป็นจุดเด่นของเมืองนี้อยู่ไม่น้อย ดิฉันคงไม่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะเพื่อน ๆ ในทีมจากประเทศไทยของเรา ต้องเดินตระเวนกันอยู่หลายร้านในบริเวณรัศมีของโรงแรมเพื่อหาสิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งหายากมากในเมืองนี้ เป็นเวลาเกือบชั่วโมงของการตระเวน ดึก ๆ หลังเสร็จจากอาหารมื้อค่ำที่ทางเจ้าภาพจัดเลี้ยงก็ยังตระเวนกันไหวอยู่ เพื่อสิ่งนั้น เบียร์! เครื่องดื่มเพื่อการสังสรรค์ เบียร์มาเลเซีย 1 กระป๋องคิดเป็นเงินไทย 80 บาทโดยประมาณ ซาบซ่าไม่แพ้เบียร์ไทย ค่ำคืนสุดท้ายที่ปีนัง วงสนทนาย่อยคราเคร้าเบียร์มาเลเซียจึงดำเนินไปได้ถึงตี 3
พูดถึงที่พัก อาหารกันไปแล้ว ขอนำพาไปยังมหาวิทยาลัยที่จัดการประชุมกันดีกว่า เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่ทางเจ้าภาพจัดรับรองไว้ พวกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ณ โรงแรมที่พักตามเวลาที่กำหนด เพื่อที่เมื่อรถที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้มารับจะได้เดินทางกันเลย มีรถมารับมาส่งถึงที่ทุกที่ที่ไป สะดวกสบายอย่างนี้ ค่าโดยสารรถแท็กซี่ที่เมืองนี้ถูก หรือ แพง ไม่มีโอกาสสัมผัส เหตุการณ์หนึ่งของวันแรกก็ทำให้ได้รู้ เมื่อเพื่อนจากประเทศภูฎานมาขึ้นรถไม่ทัน นักศึกษาที่ควบคุมรถมารับพวกเรา ไม่ยอมรอ เมื่อถึงเวลาสั่งออกรถเลย (จริงๆแล้วน้องๆนักศึกษาอาสาสมัครที่ถูกจัดไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พวกเราน่ารักมาก ทำหน้าที่ได้ดีมาก ทำงานกันเหน็ดเหนื่อยและดูแลกันทุกรายละเอียดตลอดงานที่ปีนัง) พวกเราก็เป็นห่วงว่าเพื่อนภูฏานจะเป็นอย่างไร นักศึกษาที่ดูแลก็ออกปากว่าจะวนรถมารับอีกรอบเมื่อไปส่งพวกเราแล้ว แต่รถเที่ยวนี้ต้องออกเพราะได้เวลา (งานนี้ทำให้พวกเราได้รู้ว่า คนปีนังเขาตรงเวลากันจริง ๆ) เพื่อนภูฏานก็คงกังวลใจ เอาไงละตู รีบจับแท็กซี่มายังมหาวิทยาลัยเซนส์ มาเลเซียเลย รถแท็กซี่ที่ปีนังก็ไม่มีมิเตอร์เสียด้วย ราคาจะถูกจะแพงก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง ปรากฏว่าเพื่อนภูฏานคนนี้ไปถึงมหาวิทยาลัยก่อนรถของพวกเรา ถามไถ่กันได้รู้ว่าเขาต้องจ่ายค่าแท็กซี่จากโรงแรมถึงมหาวิทยาลัย (ซึ่งไม่ไกลเลย สามารถเดินได้) ด้วยระยะเวลา 5 นาทีไปเกือบ 300 บาท น่าเห็นใจจริง ๆ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ส่งผลมาถึงเพื่อนคนไทยของเราหนึ่งคน เพื่อนคนนี้มาขึ้นรถไปร่วมอาหารค่ำไม่ทัน เธอไม่ยอมขึ้นแท็กซี่ จะเดินไปก็กลัวหลงทาง นอนรอพวกเราอยู่ที่โรงแรมจนผ่านคืนนั้นไป .. ขำขำ..

เอาละค่ะ กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมบ้าง เรียกว่าการประชุมโดยไม่มีการอธิบายคงนึกภาพไม่ออก เรียกว่าเป็นการเสนอบทความแล้วมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างผู้เสนอและผู้เข้าร่วมน่าจะเห็นภาพชัดขึ้น ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มาจากประเทศในเอเชีย แลกเปลี่ยนกันถึงวัฒนธรรม ความเปลี่ยนแปลง แนวคิด ความจริงของผู้คนในเอเชียของเรา หลังจากได้เสนอบทความไปแล้ว ความตื่นเต้นที่แอบซ่อนอยู่ในตอนแรก เลือนหายไปแบบไม่หลงเหลือ ความอบอุ่นที่ผู้เข้าร่วมจากทุกประเทศ รุ่นเก๋า รุ่นใหญ่ รุ่นใหม่ แลกเปลี่ยนกันด้วยภาษาสากล (ภาษาอังกฤษในสำเนียงของแต่ละชาติ) ความเข้าใจระหว่างกัน เห็นความแตกต่าง แปลงใหม่ เกิดขึ้นที่นี่จริง ๆ
ประสบการณ์ครั้งนี้ หยุดความตื่นเต้นเรื่องความแตกต่าง แต่เพิ่มความตื่นเต้นที่จะได้แลกเปลี่ยน พบเห็น สิ่งใหม่ ๆ กันอีกในโอกาสต่อไป
Spices 2008 ประทับใจจริง ๆ

ไม่มีความคิดเห็น: